วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2554

เนิบช้า ….สำราญอิ่ม @ San Sebasthien



SAN SEBASTHIN …BLOG ,MARCH 2554



“ซาน เซบัสเตียน”(San Sebastian)  หรือโดโนสเตีย(Donostia)ในภาษาบาสก์  อดีตเคยเป็นเมืองท่าที่ใหญ่โต รุ่งเรืองและเป็นสถานตากอากาศที่โปรดปรานในช่วงฤดูร้อนของราชวงศ์และเหล่าชนชั้นสูงของสเปน

ซาน เซบาสเตียน อยู่ทางตอนเหนือของประเทศสเปนซึ่งมีชายแดนติดกับตอนใต้ของฝรั่งเศสเป็นเมืองหลักของจังหวัดกีปุชโกอา(Guipuzcoa)ในแคว้นบาสก์ ทริปยาวยืดในเมืองกะทิงดุทริปนี้ รู้สึกตื่นเต้นตื่นตาและได้รับแรงบันดาลใจอย่างล้นเหลือ  

เราอยู่เที่ยวเมืองบิลเบา(Bilbao) มาแล้ว  4 วัน  บิลเบาในอดีตคือเมืองอุตสาหกรรมทำเหมืองแร่เหล็กริมชายฝั่งที่นี่มีสถาปัตยกรรมแห่งศตรวรรษที่ 20 รูปทรงฟรีฟอร์มสุดพิศวงซึ่งควรไปเยี่ยมชมให้ได้สักครั้งเมื่อมาถึงสเปน  คือ  กุ๊ก เกนไฮม์มิวเซียม(Guggenhiem Museum) พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นสถานที่ๆอยู่บนแผนที่วัฒนธรรมระดับนานาชาติติดอันดับต้นๆของประเทศสเปนทีเดียว

ในวันสุดท้ายที่อยู่เมืองบิลเบานึกครึ้มใจขึ้นมาจึงชักชวนเพื่อนร่วมทริปนั่งรถประจำทางไปเที่ยวเมืองซาน  เซบาสเตียนกันต่อเพราะอยู่ไม่ไกลแค่นั่งรถประจำทางใช้เวลาเพียงชั่วโมงเดียวก็ถึง ตารางเดินรถไปเมืองซาน เซบาสเตียนจะออกทุกๆชั่วโมงและตรงเวลาเป๊ะๆ! 

รถขับมาได้สักพักใหญ่ๆ ยังไม่ทันได้งีบเลย เพราะมัวเแต่่เพลินกับวิวสีเขียวตลอดสองข้างทางรถก็มาจอดที่สถานีรถบัสของเมืองซาน เซบาสเตียนซะแล้ว ที่สำคัญมาถึงก่อนเวลาตั้ง 2 นาที    โอว์! …สุดยอดจริงๆ  


ลงรถบัสแล้วจับแท็กซี่เพื่อมุ่งเข้าเมืองต่อ รถแท็กซี่เลี้ยวไปเลี้ยวมาสองสามโค้งก็เลียบเข้ามาถึงถนนริมหาดเลย วันนั้นท้องฟ้าปลอดโปร่งแดดก็กระจ่างจ้า มองเห็นชายหาดตัดกับสีฟ้าครามของน้ำทะเลดูไฉไล จึงบอกรถให้จอดแล้วลงไปเดินเล่นริมหาดกันบริเวณถนนเลียบหาดยังมีขบวนรถไฟรางคันยาวเฟื้อยจัดไว้บริการนักเที่ยวฟรีๆ เพื่อนั่งชมบรรยากาศของเมืองด้วย

เมืองนี้สงบมากคงเพราะมีรถราวิ่งน้อยมากแถมโชคเข้าข้างเราอีกเพราะอากาศดี  ลมเย็นสบายๆแค่ใส่สเว็ตเตอร์บางๆ ตัวเดียวก็เอาอยู่  ที่นี่เราได้ทำตัวเนิบช้าอย่างเต็มพิกัด! วันทั้งวันมีแต่เดินเล่นกินลมชมวิวและหม่ำ ทำตัวเรื่อยๆเปื่อยๆเมื่อยก็หยุดพัก ได้มีเวลานั่งหย่อนก้นนานๆบนม้านั่ง เพื่อตากแดดอุ่นพร้อมสูดกลิ่นไอเค็มจากทะเลไปด้วย หัวสมองจึงเบาโหวงทีเดียว  


สังเกตได้ว่าเมืองนี้ทุกๆหนึ่งถึงสองร้อยเมตรเขาจะมีเก้าอี้นั่งสบายๆจัดใว้ให้ได้นั่งผ่อนคลายได้ตลอด ยังมีมุมสดชื่นร่มรื่นอีกไม่อั้น อาทิ  สวนหย่อมที่พรรณไม้สีเขียวอื๋อ  ต้นไม้ดอกไม้ก็ยังเปล่งประกายความสดใสดูสดชื่นแถมแปลกตาด้วย 

ช่วงนี้นักท่องเที่ยวดูบางตาคงเพราะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นตลอดริมชายหาดยังทำทางเดินระดับเดียวกับหาดทรายไว้ด้วย โดยมีเสารับอาร์คโค้งเป็นระยะๆแบบโคโลเนดและรั้วเหล็กหล่อสีขาวก็เด่นด้วยลวดลายแบบโบราณกั้นไว้เป็นแนวยาวไปตลอดความยาวของชายหาดโค้งเป็นกิโลเมตร


ถ้ามองลงไปคือหาด  La  Concha เป็นทรายเป็นสีน้ำตาลทองดูสะอาดสะอ้านมากๆ  แม้หาดจะไม่กว้าง   มองลงไปเห็นแต่ท่าน ส.ว(สูงวัย)จำนวนมาก กำลังจับกลุ่มนั่งเล่นนั่งเม้าท์กันอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบบ้างกำลังนั่งทาซันแทนเพื่อจะอาบแเดด  บ้างหาญกล้าผ่าความเย็นลงไปเล่นน้ำทะเลคงเพราะแสงแดดจัดๆช่างเป็นใจ




อ่านข้อมูลมาก่อนว่า ถ้ามาเยือนในช่วงฤดูร้อนบนหาดแห่งนี้จะถูกจับจองและแน่นไปด้วยเตียงผ้าใบและนักท่องเที่ยวเรือนพัน สังเกตุว่าชาวเมืองนี้่อารมณ์ดีเพราะเดินไปตรงไหนจะมีแต่รอยยิ้มแจกจ่าย การออกมาเดินเล่น วิ่งเล่น ขี่จักรยานหรือไม่ก็พาน้องหมาออกมาเดินเล่นคงเป็นกิจวัตรประจำทุกๆวันของคนเมืองนี้  สังเกตุว่าไม่ว่าจะไปเมืองไหนๆทั่วสเปนก็มักเห็นคนสเปนมีความผูกพันกับสุนัขมาก



เราเดินขึ้นมาถึง Miramar  Palace  ซึ่งเคยเป็นพระราชวังเก่าตั้งอยู่บนเนินเขาสูงปราศจากกำแพง  ณ  จุดนี้ เป็นจุดที่มีชัยภูมิเยี่ยมที่สุดเพราะมองลงไปเห็นเวิ้งอ่าวรูปวงพระจันทร์สวยที่สุด

Miramar  Palace


พระราชวังบนเนินแห่งนี้ในอดีตเคยเป็นพระราชวังฤดูร้อนสร้างขึ้นโดยพระราชินีมาเรีย คริสตินา ใช้สำหรับเป็นที่ประทับยามเสด็จมาตากอากาศในช่วงฤดูร้อน ปัจจุบันเป็นมหาวิทยาลัยภาคฤดูร้อนและเป็นโรงเรียนสอนดนตรีแห่งแคว้นบาสก์  ซึ่งอนุญาติให้นักท่องเที่ยวเดินเข้าไปเยี่ยมชมถึงภายในได้




รอบๆบริเวณพระราชวังยังถูกโอบไปด้วยสนามหญ้าสีเขียวฉ่ำและจัดแต่งสวนศรีไว้อย่างงดงามน่าชมชอบบริเวณมุมหนึ่งของสวนมาก เพราะที่มีแปลงดอกไฮเดรนเยียขนาดใหญ่โตกำลังออกดอกบานพรึ๊บ ส่งกลิ่นและสีชมพูหวานยั่วยวนให้รี่กันเข้าไปเก็บภาพ เราอยู่บนนี้นานสองนานจึงค่อยๆ เดินลงเขา


Basilica de Santa Maria, San Sebastian
เดินมาไกลมากจนห็นยอดโบสถ์ Basilica of Santa Maria แล้ว คงเพราะอากาศดีจึงไม่รู้สึกเหนื่อยหรือเมื่อยเลยลงเนินเมาได้ก็เดินตัดถนนเข้ามาบริเวณริมท่าเรือผ่านลานเล็กๆที่มีเก้าอี้จัดไว้ให้นักท่องเที่ยวมานั่งรับแดดและเห็นมีแต่คนสูงอายุแต่งตัวสวยเช้งกันทั้งนั้น 


 Casa Consistorial, San Sebastien
เราเดินดุ่ยๆเข้ามายังเขตเมืองเก่าผ่านสวนสวย (อีกแล้้ว)ด้านหน้า คือ อาคารสีเหลืองดูโอ่อ่ามาก นั่นคือ กาซา กอนซิสโตเรียลหรือศาลากลางของเมืองซึ่งในอดีตช่วงศตวรรษที่  18  ที่นี่เคยเป็นคาสิโนที่เก๋ไก๋ที่สุด เป็นสถปัตยกรรมสไตล์นีโอ-คลาสิกดูงดงามมาก  


เราเดินอ้อมเข้ามาถึงลานกว้างด้านในของตัวอาคารกาซา กอนซิสโต ซึ่งตรงกลางเป็นจตุรัสขนาดใหญ่  อาคารซีกหนึ่ง ปัจจุบันได้เป็นโรงแรมและที่นี่ยังเป็นสถานที่สำคัญซึ่งไม่ควรพลาดมาชมเพราะเป็นส่วนที่มีชีวิตชีวาที่สุดของเมือง 


ชาวเมืองซาน เซบาสเตียน หรือนักท่องเที่ยวมักจะมานั่งหย่อนอารมณ์  ดื่มกินหรือจิบชา กาแฟกันที่นี่ ส่วนลูกเด็กเล็กแดงจะถือโอกาสวิ่งและเล่นกันสุดกำลังบนลานแห่งนี้

บริเวณนี้นอกจากจะเเป็นจุดพบปะสังสรรค์แล้ว ยังเป็นที่จัดงานเฟสติวัลประจำปีอีกด้วย เราเดินผ่านร้านรวงออกมาสองด้านขนาบไปด้วยร้านรวงในตึกเก่าโบราณทรงสูงแล้วตัดใจผ่านร้านช้อปปิ้งไปก่อน เราเดินตรงไปชมโบสถ์ซานตา มาเรีย ( Basillica of Santa Maria ) โบสถ์ที่สง่างามที่สุดของเมือง


Basilica de Santa Maria, San Sebastian
ความงามภายนอกของซุ้มประตูมุขที่เว้าเข้าไป ซึ่งเป็นรูปสลักนักบุญเจ้าของชื่อเมือง เซนต์ ซาน  เซบาสเตียน สะกดเราให้ตะลึงได้แล้ว ส่วนความงามภายในโบสถ์ทุกๆส่วนช่างวิจิตรและดูงดงามมาก  เมื่อได้เข้ามานั่งนิ่งๆแล้วจิตนิ่งมากๆ วันนั้นภาพที่ประทับใจที่สุดในโบสถ์คือ ภาพลำแสงที่ลอดผ่านช่องหน้าต่างโค้งลงมากระทบแนวเก้าอี้ไม้เก่าคร่ำคร่าในโบสถ์เป็นภาพที่สงบงามและมีเสน่ห์จับใจไม่รู้ลืม

เมืองนี้นอกจากเคยเป็นเมืองท่าที่เป็นประตูสู่ยุโรปของเรือสินค้าที่เดินทางมาจากดินแดนตะวันออกแล้ว  อาหารบาส์กนั้นเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าเยี่ยมที่สุดในคาบสมุทรแห่งนี้  ที่นี่เป็นเมืองที่เป็นต้นกำเนิดอาหารที่ชื่อว่า “ทาปาซ”   (Tapas)  ทาปาซเป็นอาหารว่างที่มีมากมายหลายชนิดเป็นอาหารมื้อเล็กๆ ที่จะช่วยทำให้ไม่หิวนักก่อนจะถึงอาหารมื้อหลัก(คนสเปนจะเริ่มรับประทานอาหารเย็นกันตั้งแต่ช่วงเวลา 3 ทุ่ม แล้วไปอิ่มพุงกางกันประมาณเที่ยงคืน)


Tapas




ช่วงเวลาบ่ายโมงกว่าๆเป็นช่วงเรียกน้ำย่อยซึ่งตามร้านทาปาซคนขายจะเริ่มทะยอยๆนำทาปาซหน้าต่างๆออกมาวางไว้ให้ลูกค้าเลือกบนบาร์เมื่อถึงเวลา 2 ทุ่ม ก็จะเป็นเวลาทาปาซอีกครั้งโดยวิธีรับประทานเราจะหยิบทาปาซหน้านู้นหน้านี้หม่ำแล้วก็ต้องจิบไวน์หรือเครื่องดื่มต่างๆตามไปด้วย ไวน์ในสเปนมีราคาถูกมาก   อาทิ ไวน์ Shery ไวน์แดง Rioja  เบียร์สดเย็นๆก็น่าดื่ม  และที่ไม่ควรพลาดชิม คือ แซงเกียร์(Sangria) เครื่องดื่มรสเร่าร้อนเนียนอร่อยเพลินที่อาจทำให้หัวทิ่มได้  หม่ำไปก็เม้าท์กันไป บ้างก็เดินกันทักเพื่อนฝูงทั่วบาร์โดยเลือกชิมทาปาซอย่างละนิดละหน่อยรองท้องไว้ก่อนจะทานมื้อค่ำ ร้านอาหารค่ำในสเปน ถ้าไปก่อน 3 ทุ่ม ทางร้านอาหารก็จะไม่เปิดรับออเดอร์ด้วย 


การครัวของที่นี่เคยถูกเรียกว่า “บาสก์” ปัจุบันยังคงอยู่และมีชื่อเสียงทางด้านความอร่อยเพราะรสชาติของอาหารเมืองนี้จะเข้มข้นและกลมกล่อมกว่าอาหารเมืองอื่นๆในยุโรปเพราะเขาจะเน้นใช้เครื่องเทศต่างๆ มาเป็นส่วนผสมเสมอ  อาทิ พริกและมะเขือเทศเป็นส่วนประกอบเพื่อเชิดชูรสชาติ


ต้นกำเนิดทาปาส คำว่า  Tapas หมายถึง ฝาปิด  ที่มาก็คือ ปกติคนสเปนมักนิยมเอาอาหารชิ้นเล็กๆปิดไว้บนปากเหยือกไวน์หรือไม่ก็หั่นขนมปังฝรั่งเศสดเป็นแว่นๆ แล้ววางบนหน้าขนมปังด้วยแฮม  ปลาทะเลปรุงรสแล้วตัวเล็กๆ  ปลาหมึกดองเค็มหรือไม่ก็ไข่ต้มฝานบางๆ ซึ่งเจ้าแผ่นขนมปัง มันก็ช่างเหมาะพอดีกับเจ้าปากเหยือกไวน์  เจ้าอาหารคำเล็กๆที่ง้ำคำ หรือสองคำหมดนี้จึงถูกเรียกว่า ทาปาซ  หรือ Tapas

ถ้ามีโอกาสมาเยือนถึงที่ก็ไม่ควรพลาดอาหารมื้อทาปาซ  เพราะที่นี่มีร้านขายทาปาซออร่อยๆ อยู่มากมายหลายร้าน ช่วงบ่ายต้นๆเป็นช่วงที่แต่ละร้านจะลำเรียงทาปาซหลากหน้าออกใส่จาน ใส่ถาด โชว์ แล้วจะวางเรียงไว้ยาวอยู่บนเคาน์เตอร์บาร์แค่เดินผ่านน้ำลายก็ไหลแล้วก่อนบ่ายสองเราจะเห็นคนพื้นถิ่น เริ่่มมทะยอยมายืนออกันอยู่ที่หน้าร้านทาปาซเต็มไปหมด


การจะตัดสินใจเลือกร้านทาปาซว่าร้านไหนเด็ดสุดนั้นได้ทำตามคำแนะนำของปิยมิตรชาวสเปนที่บอกเคล็ด(ไม่)ลับไว้ว่า  ต้องสังเกตคนพื้นถิ่นถ้าเขาไปยืนรอหน้าร้านหรือเกาะกลุ่มออกันแน่นอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์นั่นล่ะคือร้านเป้าหมายหรือลองมองไปยังพื้นในร้าน ถ้ามีเศษกระดาษทิชชู่ กระดาษเช็ดปาก ไม้จิ้มฟันหรือส้อมพลาสติกตกหรือกองกันอยู่เกลื่อนกลาด นั่นแหละ ให้รีบพุ่งตัวเข้าไปเบียดเสียดที่หน้าเคาน์เตอร์ทาปาซบาร์์ได้ทันที



ร้านทาปาซเมืองนี้ ส่วนใหญ่ตกแต่งดูอบอุ่นเป็นกันเองน่านั่งเกือบจะทุกร้านบางร้านแต่งเป็นสไตล์โมเดิร์นให้แสงสีสว่างไสว   บางร้านแต่งแบบพื้นๆ แม้ดุจะทึบทึมและแทบไม่มีโต๊ะหรือเก้าอี้ีให้นั่ง แต่เป็นร้านน่าเข้าไปสัมผัสมากที่สุด   ส่วนร้านที่เราเข้าไปทานมีแค่เคาน์เตอร์ไม้ขนาดจิ๋ว ยาวและแคบมากยื่นออกมาจากผนังให้ยืนหม่ำ คนแน่นขนัดยืนเม้าท์ยืนหม่ำกันอย่างสนุกสนานมาก  


ด้านหลังเคาน์เตอร์บาร์ทาปาซเกือบทุกร้าน บนผนังจะเต็มและตั้งขวดสุราเมรัยสารพัดยี่ห้อไว้รอบริการ       แม้จะได้หม่ำทาปาซมาหลายมื้อแต่ก็ไม่รู้สึกเบื่อ พอไปเมืองทางภาคใต้ก็ได้ทานทาปาซที่หน้าเน้นพวกพืชผักต่างๆสุดแสนอร่อย โดยเฉพาะพริกทอดเป็นพริกสดสีเขียวอื่อ เป็นพริกสายพันธ์ท้องถิ่น หน้าตาคล้ายพริกหยวกแต่ขนาดจะเล็กและป้อมกว่า เขาจะนำไปทอดในน้ำมันร้อนจัดๆ ลงทอดแล้วตักขึ้นเลย จากนั้นจะโปรยเกลือป่นลงไปจิ้ดนึง ทานเล่นอร่อยมากๆหม่ำเพลินเพราะไม่เผ็ดมีกลิ่นหอมและมีรสชาติเฉพาะตัว ขอบอกว่าเป็นเมนูทาปาซผักที่เด็ดสุด



ถ้าไปทางเมือภาคกลาง ทาปาซจะเน้นพวกไส้กรอกชนิดต่างๆ ส่วนที่นี่ เขาจะยกมาทั้งสารพัดสัตว์ทะเล อาทิ กุ้งหอย ปู ปลา ปลาหมึก ฯลฯ  เหนืออื่นใดคือรสชาติและความสดใหม่  แค่เดินไปยืนเล็งๆ ที่หน้าร้านทาปาซน้ำย่อยก็พุ่งถล่มทะลายแล้ว 


ทาปาซ เป็นอาหารชิ้นๆ หรือใส่มาในจานเล็กๆ ชอบชิ้นไหน จานไหน ก็ให้หยิบไปทั้งจานเล็กๆ  หรือจะหยิบเป็นชิ้นๆไปใส่จาน แล้วเดินไปที่หน้าเค้าเตอร์ให้แคชเชียร์คิดสตางค์ก่อนจะมานั่งหรือ ยืนหม่ำ 

ทาปาซแต่ละหน้าราคาก็จะไม่เท่ากัน  ทาปาสเมืองนี้  80  เปอร์เซนต์เน้นอาหารทะเล  มีทาปาซ  บางชนิดจะรองด้วยผักก่อน จากนั้นก็โปรยด้วยเครื่องเทศรสเผ็ดและหอมฟุ้ง  ไฮไลต์ทาปาซในซีซั่นนี้ เป็นอาหารโปรตีนชั้นเยี่ยมและโอชะที่สุด คือ ทาปาซหน้าลูกปลาไหลซึ่งเป็นลูกปลาไหลตัวจิ๋ว ชนิดยังเป็นเบบี๋อยู่ โดยจะนำไปรมควัน  รสชาติจึงจืดแต่มันและหอมมาก เมื่อเคี้ยวเนื้อปลาจะได้กลิ่นหอมของควันไม้เจืออยู่อร่อยทีเดียว จานนี้เห็นยกออกมาวางเท่าไหร่ ก็หายวั๊บๆ ยังมีมะกอกดอง พริกดองรสเปรี้ยวที่จะคลุกมากับปลาแองโชวี่ดองตัวเหี่ยวๆ  ซึ่งต้องสั่งมาชิมกินแก้เลี่ยนด้วย




ในเขตเมืองเก่า ยังมีร้านขายขนมอีกหลายร้าน อาทิ ร้าน  Argitan  มีแอแคร์ ไส้กาแฟและไส้ชอกโกแลตอร่อยมากๆ  อีกทั้งระแวก Centro  ยังมีตึกงดงามสไตล์นีโอคลาสสิก อาร์ตนูโว และอาร์เดโคยุค แรกๆที่ควรแวะไปชมด้วย




พระอาทิตย์เริ่มโรยแสงแล้ว ถึงเวลาต้องกลับเมืองบิลเบา 





ถ้ามีโอกาสได้มาเที่ยว ที่นี่  จงปล่อยอารมณ์แล้วดื่มด่ำไปกับธรรมชาติรอบๆตัว  เดินบ้างนั่งบ้าง  หม่าบ้าง   อย่าได้คิดเยอะทำตัวเนิบช้าเข้าไว้  ขอบอกว่า….ช่างมีความสุข แค่คิดก็อยากกลับมาอีกรอบ



เรื่องและภาพ  จักรพงษ์ วรรณชนะ

















นิตยสาร Health&Cuisine    
No.122 March 2011

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม 
Tips
เว็บไซต์ที่น่าสนใจ www.sansebasthiantourismo.com
Where to eat :Akelare (www.akearre .net)  ,Restaurante Bernardo Et-Xea  (www.bernardoetxea.com)
ร้านทาปาซที่อร่อย ชื่อ ร้าน  Taberna Gandarias Jatetkea
ที่พัก Pension La Perla 
Hotel Maria Cristina 1 calle Oquendo

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ31 มกราคม 2565 เวลา 20:05

    Emperor Casino: Play Online in Slots
    Emperor Casino offers hundreds of exciting 메리트카지노총판 online slots, live 제왕카지노 dealer 인카지노 games, and online bingo to help you make the best Our online casino has all the games you need

    ตอบลบ